Written by 12:17 am Aviation

เที่ยวบิน AF4590 ฟางเส้นสุดท้ายของเครื่องบินโดยสารความเร็วเหนือเสียง “Concorde”

25 กรกฎาคม 2000  เกิดอุบัติเหตุกับเครื่องบินโดยสารความเร็วเหนือเสียง “Concorde” ตกลงภายหลังจากวิ่งขึ้นจากท่าอากาศยาน Charles de Gaulle

25 กรกฎาคม 2000  เกิดอุบัติเหตุกับเครื่องบินโดยสารความเร็วเหนือเสียง “Concorde” ตกลงภายหลังจากวิ่งขึ้นจากท่าอากาศยาน Charles de Gaulle กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส

อุบัติเหตุที่ไม่มีใครคาดคิดครั้งนี้ เกิดขึ้นเพียงไม่นานหลังจากเครื่องบินวิ่งขึ้น ส่งผลให้ผู้โดยสารและลูกเรือทั้งหมด 109 คนเสียชีวิต รวมถึงอีก 4 ชีวิตภาคพื้นดิน ถือเป็นเหตุการณ์ร้ายแรงครั้งแรกที่เกิดขึ้นกับ Concorde หลังจากทำการบินมา 27 ปี นอกจากนี้ยังถือเป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่ส่งผลโดยตรงต่อการปลดประจำการของเครื่องบินแห่งประวัติศาสตร์รุ่นนี้

เครื่องบินแบบ Concorde ของสายการบิน Air France (ไม่ใช่ลำที่เกิดเหตุ) ภาพจาก smithsonianmag

เที่ยวบินนี้ทำการบินด้วยเครื่องบินแบบ Aérospatiale-BAC Concorde ทะเบียน F-BTSC ดำเนินการโดยสายการบิน Air France มีกำหนดการมุ่งหน้าไปยังนครนิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา มีผู้โดยสารทั้งหมด 100 คน ซึ่งกำลังจะเดินทางไปลงเรือสำราญที่นิวยอร์ค (เที่ยวบินนี้เช่าเหมาลำโดยบริษัทเดินเรือสำราญ Peter Deilmann Cruises สัญชาติเยอรมนี ผู้โดยสารส่วนใหญ่จึงมีสัญชาติเยอรมนี) เครื่องบินลำนี้ได้วิ่งขึ้นจากทางวิ่งในเวลา 16.44 ตามเวลาท้องถิ่น ก่อนที่จะเกิดประกายไฟที่เครื่องยนต์ด้านซ้าย และหลังจากนั้นเพียงไม่นาน เครื่องบินได้ตกลงใส่โรงแรม Hôtelissimo Les Relais Bleus ที่ตั้งอยู่ในเขต Gonesse

ประกายไฟที่เครื่องยนต์ด้านซ้าย

สาเหตุที่ชิ้นเล็กแบบไม่น่าเชื่อ

หลังจากเหตุการณ์เกิดขึ้นไม่นาน มีการเปิดเผยผลการสอบสวนออกมาว่า สาเหตุที่เครื่องยนต์ระเบิดและมีเพลิงลุกไหม้นั้น เป็นเพราะเครื่องบินได้วิ่งทับชิ้นส่วน (FOD : Foreign Object Debris) บนทางวิ่ง ทำให้ยางระเบิดและมีเศษชิ้นส่วนของยางกระเด็นไปกระแทกกับถังน้ำมันบริเวณปีกด้านซ้ายและเครื่องยนต์ เกิดการรั่วของเชื้อเพลิงและประกายไฟทำให้เกิดการลุกไหม้ เครื่องบินสูญเสียกำลังขับและแรงยกอย่างฉับพลันทำให้ตกลงในที่สุด

ภาพชิ้นส่วน (FOD : Foreign Object Debris) บนทางวิ่ง ที่คาดว่าเป็นสาเหตุของอุบัติเหตุ ภาพจากรายงานการสอบสวน

สำหรับชิ้นส่วนที่ตกอยู่บนทางวิ่ง คาดว่าจะเป็นชิ้นส่วนจากเที่ยวบิน CO055 ของสายการบิน Continental Airlines ทำการบินด้วย McDonnell Douglas DC-10-30 ที่วิ่งขึ้นไปก่อนหน้า โดยมีการพบชิ้นส่วนรูปร่างยาว ผลิตจากไททาเนียมอัลลอยด์ตกอยู่บนทางวิ่งหลังเกิดอุบัติเหตุกับ Concorde คาดว่าเป็นชิ้นส่วนที่หลุดออกมาจากเครื่องยนต์

จุดเกิดเหตุ ภาพจากAP Photo/Joachim Bertrand/Ministry of Interior/Civil Security

จุดเกิดเหตุ ภาพจาก BBC

เส้นทางการบินตั้งแต่วิ่งขึ้นจนถึงชนเข้ากับอาคารโรงแรม ภาพจาก BBC

ภายหลังเหตุการณ์

หลังจากเกิดเหตุ มีการหยุดให้บริการด้วยเครื่องบินรุ่นนี้ที่มี 2 ให้บริการได้แก่ Air France และ British Airways เป็นการชั่วคราวในระหว่างการสืบสวน ก่อนจะกลับมาให้บริการบางส่วนเป็นเวลาสั้นๆในช่วงปลายปี 2002 ก่อนที่ทั้ง 2 สายการบินจะตัดสินใจยุติการให้บริการด้วยเครื่องบินโดยสารความเร็วเหนือเสียงรุ่นนี้ในปี 2003

ตั้งแต่เครื่องบินรุ่น Concorde ให้บริการในปี 1976 มีการผลิตออกมาเพียง 20 ลำ และใช้งานในสายการบินรวม 14 ลำใน 2 สายการบิน โดยในช่วงหลังนั้นพบปัญหาต่างๆทั้งต้นทุนค่าเชื้อเพลิง ข้อจำกัดในการเดินทางต่างๆโดยเฉพาะปัญหาด้านมลภาวะทางเสียง รวมถึงมีเครื่องบินยุคใหม่ที่แม้จะทำการบินได้ช้ากว่าแต่คุ้มค่ากับสายการบินและให้ความสะดวกสบายต่อผู้โดยสารมากกว่า เหตุการณ์ในครั้งนี้จึงถือเป็นสิ่งที่ทำให้สายการบินทั้ง 2 สายตัดสินใยยุติการให้บริการ ปิดตำนาน Concorde ไว้ในปี 2003 นั่นเอง

Last modified: July 25, 2022
Close